สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) จากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นลบต่อทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1809 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1810 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 1.2804 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2800 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7907 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7900 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 109.36 เยน จากระดับ 109.03 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9645 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9655 ฟรังก์สวิส
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันให้อ่อนค่าลงจากความวิตกกังวลในตลาด ภายหลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่า เขาจะยอมให้หน่วยงานรัฐบาลปิดการดำเนินงาน (ชัตดาวน์) หากรัฐสภาไม่อนุมัติงบประมาณสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก และล่าสุด ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า ความวุ่นวายในสภาคองเกรสเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากแกนนำในสภาทำตามคำแนะนำของเขา ในการพ่วงร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐเข้ากับร่างกฎหมายทหารผ่านศึก
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกเกี่ยวกับการเจรจาแก้ไขข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ระหว่างสหรัฐกับแคนาดาและเม็กซิโก หลังทรัมป์เผยว่า รัฐบาลอาจพิจารณายกเลิกข้อตกลง NAFTA ก็เป็นได้
นักวิเคราะห์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ล่าสุดได้สร้างแรงกดดันให้กับตลาด และฉุดค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์อาจไม่สามารถผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้สำเร็จในเร็วๆนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 234,000 ราย โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 238,000 ราย
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันที่ 24-26 ส.ค.อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่านางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการเงินหรือไม่ เช่นเดียวกับนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB และนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกเช่นกัน
การประชุมที่แจ็กสัน โฮล ในปีนี้จัดขึ้นในช่วงเวลาที่เฟดมีแผนที่จะเริ่มดำเนินการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดจากระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ขณะที่ ECB อยู่ในระหว่างการพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)