สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวานนี้ ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้น หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่แจ็กสัน โฮล เช่นกัน
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.29 เยน จากระดับ 109.36 เยน อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9574 ฟรังก์ จากระดับ 0.9645 ฟรังก์ และปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.2482 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2525 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1876 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1809 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าสู่ระดับ 1.2875 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2804 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.7935 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7907 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เนื่องจากในการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสัน โฮลครั้งนี้ นางเยลเลนไม่ได้ส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต แต่ได้พุ่งความสำคัญไปยังเรื่องของวิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต และสิ่งที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ดำเนินการเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน นางเยลเลนกล่าวเตือนว่า วิกฤตทางการเงินในอนาคตอาจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ภาวะทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ให้บทเรียนที่สำคัญแก่ทุกคน
"เราได้เรียนรู้บทเรียนจากความเจ็บปวดที่เกิดจากวิกฤตการณ์ เรามีเหตุผลที่จะเชื่อว่าระบบการเงิน และเศรษฐกิจมีโอกาสน้อยลงที่จะเผชิญกับวิกฤตการณ์ และจะสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้เร็วขึ้น ทำให้ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจไม่ต้องเผชิญกับปัญหาเหมือนที่ได้ประสบในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เมื่อ 1 ทศวรรษก่อนหน้านี้" นางเยลเลนกล่าว
สตีเฟน ซิโมนิส ซีเนียร์ ที่ปรึกษาด้านค่าเงินของ FXDD Global กล่าวว่า ถ้อยแถลงของเยลเลนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ส่งผลให้ดอลลาร์ถูกเทขาย เนื่องจาก "เทรดเดอร์ต้องการจะฟังในสิ่งที่เธอไม่ได้กล่าว"
ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากนายดรากีไม่ได้ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเขากล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัวมากขึ้น พร้อมเตือนว่า นโยบายกีดกันทางการค้าจะสร้างความเสี่ยงที่รุนแรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 6.8% ในเดือนก.ค. โดยทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2014 และต่ำกว่าระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 6.0%
อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากทรงตัวในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค.