สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหรัฐและตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.ที่ขยายตัวดีเกินคาด
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1887 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1993 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2922 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2928 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7897 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7963 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.41 เยน จากระดับ 109.57 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9634 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9534 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.68% สู่ระดับ 92.877 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนให้แข็งค่าขึ้น หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2560 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจขยายตัว 3.0% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 2.6% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.7%
ด้าน ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐ รายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 237,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 185,000 ตำแหน่ง
รายงานของ ADP ระบุว่า การจ้างงานเกือบทั้งหมดมาจากภาคบริการ ซึ่งมีการจ้างงานเพิ่ม 204,000 ตำแหน่ง ขณะที่การจ้างงานในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 16,000 ตำแหน่ง ภาคก่อสร้างเพิ่มการจ้างงาน 18,000 ตำแหน่ง ส่วนภาคเหมืองแร่จ้างงานลดลง 1,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐล่าสุดที่ออกมาดีนั้น ทำให้ตลาดการเงินจับตาความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด หลังจากก่อนหน้านี้เฟดได้ส่งสัญญาณที่จะชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงิน สืบเนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อที่ค่อนข้างอ่อนแอ
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสเพียง 35.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะขยายตัวเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ขยายตัวมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.3%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน