สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) ถึงแม้สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งเกิดคาดก็ตาม ขณะที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1918 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1885 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3400 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3202 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7990 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7984 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.53 เยน จากระดับ 110.51 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9642 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9647 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.47% สู่ระดับ 92.087 เมื่อคืนนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8% หลังจากปรับตัวขึ้น 1.7% ในเดือนก.ค.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.1% เป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าว บ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.
โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 52.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ สูงกว่าระดับ 41.3% ก่อนที่กระทรวงแรงงานจะเผยรายงานเงินเฟ้อ
ขณะที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ภายหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ BoE มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันก็มีมติให้คงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน