สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) จากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนหลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นเป็นอย่างมากก่อนหน้านี้
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1784 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1752 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3446 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3399 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7854 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7860 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.38 เยน จากระดับ 112.87 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9702 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9722 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.28% สู่ระดับ 93.098 เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นเกือบ 1.3% ในช่วง 3 วันทำการก่อนหน้านี้ สืบเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในเดือนธ.ค.นี้ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
นางเยลเลนได้กล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมหากเฟดจะเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะยังอยู่ในทิศทางที่ไม่แน่นอนก็ตาม
ประธานเฟดกล่าวด้วยว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินแบบรวดเร็วเกินไปนั้น จะส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่หากเฟดถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินช้าจนเกินไป ก็อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป ในขณะที่ตลาดแรงงานอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2560 ในการประมาณการครั้งสุดท้าย ขยายตัว 3.1% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 3.0%
นักลงทุนจับตาข้อมูลดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค.ของสหรัฐ ซึ่งจะเปิดเผยในเวลา 19.30 น.วันนี้ตามเวลาไทย