สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้มีมติอนุมัติงบประมาณวงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจะปูทางให้สภาคองเกรสสามารถเริ่มกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1704 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1763 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3112 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3247 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7789 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7860 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.84 เยน จากระดับ 112.79 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9789 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9749 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.53% สู่ระดับ 93.957 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนให้แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 260,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 265,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 135 ติดต่อกัน
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0%
ส่วนตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐปรับตัวลดลง 2.7% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 4.24 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 1.953 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ส่วนการนำเข้าสินค้าและบริการลดลง 0.1% สู่ระดับ 2.377 แสนล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ตลาดเงินยังได้ปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะสามารถผลักดันมาตรการปรับลดภาษีได้เป็นผลสำเร็จ หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติงบประมาณวงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจะปูทางให้สภาคองเกรสสามารถเริ่มกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4% ในเดือนก.ย.
สำหรับตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงจะปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.