ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 113 เยนในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 83% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
ณ เวลา 18.48 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.13% สู่ระดับ 112.97 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.11% สู่ระดับ 132.25 เยน และอ่อนค่าลง 0.03% สู่ระดับ 1.1707 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.03% สู่ระดับ 93.99
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. และตัวเลขชาวสหรัฐที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก และนายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย ที่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าตัวเลขดังกล่าวจะต่ำลงอย่างมากจากเดือนส.ค. เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจในรัฐเท็กซัส ฟลอริดา และอีกหลายรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐต้องปิดกิจการ ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากประสบภาวะตกงานชั่วคราว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 80,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยเพิ่มขึ้นเพียงราวครึ่งหนึ่งของจำนวน 156,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
หากไม่นับปัจจัยเฮอร์ริเคนที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในเดือนก.ย. ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆก็ยังคงบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า ตัวเลขการจ้างงานจะพุ่งขึ้นในเดือนต.ค.และพ.ย. จากการที่ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ และบริษัทในภาคก่อสร้างทำการซ่อมแซม และบูรณะเขตที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน