สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) ด้วยแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐจะสามารถผลักดันนโยบายปฏิรูปภาษีเป็นผลสำเร็จ ภายหลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2561 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นก้าวแรกสู่การพิจารณาร่างกฎหมายภาษี
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1734 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1777 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3199 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3190 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7800 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7815 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.74 เยน จากระดับ 113.54 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9868 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9847 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.31% สู่ระดับ 93.991 เมื่อคืนนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการปฏิรูประบบภาษีของทรัมป์ ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และทำให้พวกเขามีความต้องการถือครองสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น
นักลงทุนในตลาดเงินยังจับตาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ โดยประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เขากำลังพิจารณาบุคคลอย่างน้อย 3 คนสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานเฟด ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน, นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก รายงานว่า ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +0.17 ในเดือนก.ย. จากระดับ -0.37 ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต ส่วนในวันพรุ่งนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.