สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1608 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1661 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3069 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3063 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7650 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7718 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 114.17 เยน จากระดับ 113.99 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0007 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9992 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.29% สู่ระดับ 94.963 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะพุ่งขึ้น 310,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะทรงตัวที่ 4.2%
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน พุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว หลังจากปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวได้รับการจับตาว่าเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ
ทางด้านผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเปิดตัวดัชนีดังกล่าวในปี 2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 58.5