ดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันนี้ โดยนักลงทุนกังวลต่อความล่าช้าในการบังคับใช้มาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ขณะที่จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และการจัดประชุมเสวนาของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีประธานธนาคารกลางขนาดใหญ่ 4 แห่งเข้าร่วมการประชุม
ยูโรพุ่งขึ้นในวันนี้ ขานรับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของเยอรมนี
ณ เวลา 22.55 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.12% สู่ระดับ 113.47 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.63% สู่ระดับ 133.37 เยน และดีดตัวขึ้น 0.75% สู่ระดับ 1.1752 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.41% สู่ระดับ 94.10
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว 0.8% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
เมื่อเทียบรายปี เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวมากกว่า 3% ในไตรมาส 3
หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562
ทั้งนี้ การชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว ถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ยังอาจจะส่งผลให้บริษัทของสหรัฐที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเลื่อนการตัดสินใจย้ายฐานกลับสู่สหรัฐ เนื่องจากต้องการรอให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้
ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภามีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต้องการให้การปรับลดภาษีมีผลบังคับใช้ในทันที ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในสัปดาห์นี้
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดการประชุมเสวนาในวันนี้ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ภายใต้หัวข้อ "Communication challenges for policy effectiveness, accountability and reputation" ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมการเสวนา ได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
นางเยลเลนกล่าวว่า การที่เฟดทำการชี้นำทิศทางนโยบายในอนาคตนั้น เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ก็ควรดำเนินการอย่างมีเงื่อนไข โดยขึ้นอยู่กับการปรับตัวของเศรษฐกิจในขณะนั้น
"การชี้นำนโยบายของเฟดควรทำอย่างมีเงื่อนไข และเกี่ยวข้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ" นางเยลเลนกล่าว
นางเยลเลนยอมรับว่า ปัจจัยหนึ่งที่ท้าทายเฟดก็คือ การที่เฟดมีสมาชิกคณะกรรมการจำนวนมาก ซึ่งอาจสร้างความสับสนต่อตลาดการเงิน ขณะที่กรรมการเฟดแต่ละคนแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน
"เรามีสมาชิกคณะกรรมการเฟดมากถึง 19 คน และเราก็ใช้ระบบประชาธิปไตยสำหรับการดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งระบบดังกล่าวได้เริ่มขึ้นจากประธานเฟดคนก่อนๆ" นางเยลเลนกล่าว
ด้านนายคาร์นีย์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจะต้องสื่อสารด้านนโยบายไปให้ถึงสาธารณชนในวงกว้าง มากกว่าที่จะไปถึงแต่เพียงนักลงทุนในตลาดการเงิน
"เราจะต้องพูดกับประชาชนที่เรารับใช้ก่อน โดยขณะนี้มีคนอ่านหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สเพียง 3 แสนคน แต่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กในสหราชอาณาจักรมากถึง 30 ล้านคน" เขากล่าว
ส่วนนายคุโรดะกล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการสร้างความเข้าใจผิดต่อตลาดการเงินก็คือ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางควรใช้ข้อความที่เรียบง่าย
"ข้อความที่ใช้ควรตรงไปตรงมา นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด" เขากล่าว
ทางด้านนายดรากีกล่าวว่า การส่งสัญญาณชี้นำล่วงหน้าสำหรับนโยบายการเงินในอนาคตได้ประสบความสำเร็จในการผลักดันการคาดการณ์ของตลาด และขณะนี้มาตรการชี้นำล่วงหน้าดังกล่าวได้ถือเป็นเครื่องมือด้านนโยบายที่มีความสำคัญ
"มาตรการชี้นำล่วงหน้าได้กลายเป็นเครื่องมือด้านนโยบายอย่างเต็มตัว โดยประสบการณ์ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ และเราจะทิ้งเครื่องมือนโยบายการเงินแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ" นายดรากีกล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% เช่นกันในเดือนก.ย.
การดีดตัวของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาในภาคบริการ
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 2.8% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2555 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร,พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้เพิ่มขึ้น 0.2% เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.