สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. ซึ่งขยายตัวถึง 2.0% เมื่อเทียบรายปี ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายเดือนนั้น ดัชนี CPI ขยับขึ้น 0.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1793 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1795 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3168 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3170 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7584 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7635 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.95 เยน จากระดับ 113.38 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9888 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9893 ฟรังก์สวิส
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นด้วยแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 2.0% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เช่นกัน หลังจากดีดตัวขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย.
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย. และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนต.ค. ด้วยแรงหนุนจากการซื้อรถยนต์ แม้อุปสงค์สำหรับวัสดุก่อสร้างจะปรับตัวลงก็ตาม
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.