สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนบางส่วนจากกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินเดือนหน้า ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่น่าผิดหวังก็ตาม
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1764 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1793 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3182 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3168 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7589 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7584 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.03 เยน จากระดับ 112.95 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9942 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9888 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.15% สู่ระดับ 93.951 เมื่อคืนนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 4,000 รายสู่ระดับ 235,000 ราย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยในวันเดียวกันนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.9% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่ต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน และยังเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมสามารถฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มาไปได้
สำหรับความเคลื่อนไหวสำคัญในสหรัฐซึ่งเป็นที่จับตาในตลาดเงินเมื่อวานนี้นั้น สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
นักลงทุนยังจับตาข้อมูลตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้