สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและปอนด์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) ขณะนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรสของสหรัฐ หลังวุฒิสภาได้ลงมติรับรองร่างกฎหมายฉบับของวุฒิสมาชิกรีพับลิกันด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51-49 คะแนนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1815 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1856 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3437 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3474 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7608 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7597 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.59 เยน จากระดับ 112.65 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9883 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9855 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.22% สู่ระดับ 93.392 เมื่อคืนนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า โอกาสที่รัฐสภาสหรัฐจะลงมติอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับสุดท้ายเพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามประกาศบังคับใช้นั้น มีค่อนข้างสูง โดยที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ถึงแม้ว่าสมาชิกสภาคองเกรสอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการประสานข้อแตกต่างระหว่างเนื้อหาในร่างกฎหมายฉบับของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก็ตาม
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 4.87 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่ขาดดุล 4.49 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP และผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 3/2560
ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%