สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆส่วนใหญ่ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ยูโรอ่อนค่าลงเทียบดอลลาร์สหรัฐสู่ระดับ 1.1768 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1783 ดอลลาร์สหรัฐ ปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3399 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3474 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7503 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7518 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยนที่ระดับ 113.53 เยน จากระดับ 113.01 เยน อ่อนค่าลงเทียบฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9925 ฟรังก์ จากระดับ 0.9934 ฟรังก์ และแข็งค่าเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ 1.2871 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2851 ดอลลาร์แคนาดา
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.11% สู่ระดับ 93.898 เมื่อคืนนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ย. โดยปรับตัวขึ้น 228,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.2% ในเดือนพ.ย. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตัวเลขรายได้ของแรงงานเพิ่มขึ้น 2.5% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 38,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 18,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับลดตัวเลขจ้างงานในเดือนต.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 244,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งจุดกระแสคาดการณ์ในตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.ในสัปดาห์หน้า
นักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐ ด้วยความหวังที่ว่า ท้ายที่สุดแล้ว สภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามรับรองเป็นกฎหมายภายในปีนี้