สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1789 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1739 ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.83 เยน จากระดับ 113.55 เยน
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้และมีผลต่อตลาด กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. โดยดัชนี CPI ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาอาหารทรงตัวเป็นเดือนที่ 2
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ย. หลังจากดีดตัวขึ้น 2.0% ในเดือนต.ค. และหากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน โดยล่าสุดนายออร์ริน แฮทช์ ประธานคณะกรรมาธิการการเงินประจำวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และวุฒิสภาสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีแล้ว ส่งผลให้สภาคองเกรสมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะบรรลุข้อตกลงปฏิรูปภาษีภายในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.