ดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันนี้จากแรงขายทำกำไร แต่ยังคงได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันคริสต์มาส
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 20-21 ธ.ค. โดยคาดว่า BOJ จะยังคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในการประชุมดังกล่าว
ณ เวลา 18.47 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.03% สู่ระดับ 112.54 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.26% สู่ระดับ 132.68 เยน และดีดตัวขึ้น 0.31% สู่ระดับ 1.1789 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.24% สู่ระดับ 93.70
นายจอห์น คอร์นิน แกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นว่าวุฒิสภาจะให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายในการลงมติซึ่งอาจจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
ทางด้านนายเควิน แบรดี้ ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร และเป็นผู้นำในการร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าพรรครีพับลิกันมีคะแนนเสียงในมือที่จะผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับดังกล่าว
"ผมคิดว่าเราจะได้ชัยชนะครั้งใหญ่ในวันอังคารนี้" นายแบรดี้กล่าว
ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้เปิดเผยรายละเอียดขั้นสุดท้ายของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งมาจากการรวมเนื้อหาของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีที่ผ่านการอนุมัติของวุฒิสภาและ สภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้ โดยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายจะยังคงจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้ที่ 7 ขั้น คือที่ระดับ 10%, 12%, 22%, 24%, 32%, 35% และ 37% โดยลดอัตราภาษีขั้นสูงสุดสู่ระดับ 37% จากระดับ 39.6% ขณะเดียวกัน จะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% โดยมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า แทนที่จะชะลอออกไปอีก 1 ปีตามร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภา
หากร่างกฎหมายดังกล่าวสามารถผ่านสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ ก็จะถือเป็นการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2529 หรือกว่า 30 ปี และจะถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสนับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.