สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนซึมซับรายงานข่าวที่ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้าย ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1877 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1846 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3391 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3386 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7666 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7663 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.41 เยน จากระดับ 112.92 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9866 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9854 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.14% สู่ระดับ 93.313 เมื่อคืนนี้
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้าย ด้วยคะแนนเสียง 224 ต่อ 201 เสียง โดยหลังจากนี้จะมีการนำร่างกฎหมายไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า
ทางด้านปธน.ทรัมป์ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า แม้สภาคองเกรสจะอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีแล้ว ทว่า ตลาดการเงินยังไม่ได้ปรับตัวรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ เนื่องจากตลาดยังไม่ได้เริ่มตระหนักว่ามาตรการภาษีเหล่านี้ดีอย่างไร
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.81 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2549 หลังจากพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาเริ่มฟื้นตัวขึ้น
นักลงทุนจับตากระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยการประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP ประจำไตรมาส 3/2560 ในวันนี้ ส่วนการประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งได้เปิดเผยไปเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า GDP ขยายตัวที่ระดับ 3.3% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 3.0%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.