ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากอ่อนค่าลง 2 วันติดต่อกัน ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนช่วงวันหยุด โดยดอลลาร์ได้แรงหนุนในวันนี้ จากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง และการที่สภาคองเกรสให้การรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ก่อนที่จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเร็วกว่าที่คาดไว้
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป
ณ เวลา 22.39 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.09% สู่ระดับ 113.48 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.02% สู่ระดับ 134.62 เยน และร่วงลง 0.06% สู่ระดับ 1.1862 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.04% สู่ระดับ 93.35
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์มีแนวโน้มปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในปีนี้ในรอบ 14 ปี
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณการขั้นสุดท้าย สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.2% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.3% แต่เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2557 และดีดตัวขึ้นจากไตรมาส 2 ซึ่งมีการขยายตัว 3.1%
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวในไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 อยู่ที่ระดับ 3.0%
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2557 ที่เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่ระดับ 3% หรือมากกว่า เป็นเวลา 2 ไตรมาสติดต่อกัน
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจมีมูลค่า 3.85 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 โดยลดลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 3.90 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การลงทุนในเครื่องมือทางธุรกิจอยู่ที่ระดับ 10.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี และเพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 10.4%
ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.2% จากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 2.3% หลังจากพุ่งขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตเบื้องต้นดีดตัวขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ สู่ระดับ 26.2 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 22.7 ในเดือนพ.ย.