สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนปลีกตัวอยู่นอกตลาดก่อนวันหยุดยาวเนื่องในเทศกาลปีใหม่
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2010 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1953 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3519 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3443 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7813 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7793 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.62 เยน จากระดับ 112.87 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9744 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9781 ฟรังก์สวิส และอ่อนค่าลงแตะ 1.2539 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2582 ดอลลาร์แคนาดา
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.5% สู่ระดับ 92.17 เมื่อคืนนี้
เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 9.7% ในปี 2560 ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงนั้น มาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันศุกร์ ขณะที่การซื้อขายเบาบางกว่าปกติในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนพากันปลีกตัวอยู่นอกตลาดเพื่อเตรียมฉลองเทศกาลปีใหม่ โดยตลาดการเงินสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันปีใหม่
นักลงทุนต่างจับตาเหตุการณ์สำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งรวมถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะประกาศแผนการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมทั้งจับตานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟด ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ในเดือนก.พ.ปีหน้า