สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2015 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2045 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3514 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3594 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7833 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7829 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.52 เยน จากระดับ 112.34 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9777 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9724 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.37% สู่ระดับ 92.212 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ดีดตัวสู่ระดับ 59.7 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 58.2 ในเดือนพ.ย. โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 58.2
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 1.257 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ในเดือนพ.ย.
นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ โดยรายงานการประชุมระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
"กรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังเน้นย้ำถึงการสนับสนุนให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ" รายงานการประชุมระบุ
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดกลุ่มหนึ่งได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณดังกล่าว โดยระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้อาจเป็นการดำเนินการที่แข็งกร้าวเกินไป และอาจขัดขวางเป้าหมายการผลักดันเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับ 2% ของเฟด ขณะที่กรรมการเฟดอีกกลุ่มหนึ่งมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ถือเป็นการดำเนินการที่เชื่องช้าเกินไป
นักลงทุนยังจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 190,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดุลการค้าเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย. และดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)