ยูโรพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเทียบดอลลาร์ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของยูโรโซน และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะคุมเข้มนโยบายการเงินในไม่ช้า
นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลเยอรมนี
ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าลง จากการที่ตลาดมองว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการฟื้นตัวเร็วกว่าสหรัฐ และ ECB จะถอนตัวจากการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ณ เวลา 21.34 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.41% สู่ระดับ 110.58 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.21% สู่ระดับ 135.66 เยน และดีดตัวขึ้น 0.70% สู่ระดับ 1.2270 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.65% สู่ระดับ 90.38 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558
ทั้งนี้ ECB ส่งสัญญาณเตรียมคุมเข้มนโยบายการเงิน ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวขึ้น โดย ECB เปิดเผยในรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะทำการทบทวนแนวทางการสื่อสารของ ECB ในต้นปีนี้ และจะทำการปรับการใช้ถ้อยคำในแถลงการณ์ของการประชุมอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวมากขึ้น
รายงานการประชุมดังกล่าวบ่งชี้ว่า ECB จะตัดถ้อยคำที่ว่า "ECB จะซื้อพันธบัตรจนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ ECB" และเป็นการส่งสัญญาณว่า ECB พร้อมจะลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งมีมูลค่า 2.55 ล้านล้านยูโร โดยจะถอนตัวจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
รายงานดังกล่าวแสดงว่า คณะกรรมการ ECB มองว่าการสื่อสารเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยจะได้รับความสำคัญมากขึ้น ขณะที่การซื้อพันธบัตรจะมีบทบาทลดลงในฐานะเครื่องมือด้านนโยบายของ ECB
นอกจากนี้ การที่เจ้าหน้าที่ ECB ได้มีการหารือกันอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมหลังจากโครงการ QE สิ้นสุดลง บ่งชี้ว่าคณะกรรมการ ECB ให้การสนับสนุนมากขึ้นต่อการตัดสินใจยุติโครงการในปีนี้ หลังจากที่ได้ดำเนินการมานาน 3 ปี
ทั้งนี้ ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนธ.ค. ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนจนถึงสิ้นปีที่แล้ว และลดลงสู่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ย.ปีนี้ อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่า ธนาคารอาจจะขยายเวลาโครงการซื้อพันธบัตรเกินกว่าเดือนก.ย. หากมีความจำเป็น และอาจมีการขยายวงเงิน QE หากแนวโน้มเศรษฐกิจย่ำแย่ลง โดยธนาคารจะใช้มาตรการ QE จนกว่าภาวะเงินเฟ้อมีทิศทางดำเนินไปอย่างยั่งยืน
สื่อเยอรมนีรายงานในวันนี้ว่า พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) สามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
แกนนำของทั้ง 3 พรรคจะนำรายละเอียดของข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายในประเด็นสำคัญต่างๆจำนวน 28 หน้าเสนอแก่สมาชิกพรรค ซึ่งพรรค SPD จะมีการประชุมสมาชิกพรรคในวันที่ 21 ม.ค. หากที่ประชุมให้การรับรองนโยบายเหล่านี้ และเห็นพ้องที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรค CDU/CSU ก็จะถือเป็นการสิ้นสุดภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองของเยอรมนีนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ แกนนำทั้ง 3 พรรคเห็นพ้องกันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นภาษี และจะจำกัดจำนวนผู้อพยพเข้าประเทศให้อยู่ในช่วง 180,000-220,000 คนต่อปี รวมทั้งตกลงที่จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหภาพยุโรป (EU) ด้วยการให้เยอรมนีสมทบเงินช่วยเหลือ EU มากขึ้น