สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.42 เยน จากระดับ 109.05 เยน ขณะที่อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9425 ฟรังก์ จากระดับ 0.9453 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.2394 ยูโร จากระดับ 1.2404 ยูโร ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.4124 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4214 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.8021 ดอลลาร์ จากระดับ 0.8079 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ CNBC หลังจากเดินทางถึงเมืองดาวอสเพื่อเข้าร่วมประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) เมื่อวานนี้ว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสตีเวน มูนชิน รมว.คลังได้กล่าวในเชิงสนับสนุนการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ว่า สื่อมวลชนอาจตีความคำพูดของนายมนูชินที่ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการจะสื่อ
ทางด้านนายมนูชินได้ออกมาชี้แจงว่า "ผมคิดว่าความเห็นของผมเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น มีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยมีความสมดุล และสอดคล้องกับสิ่งที่ผมได้กล่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือ เราไม่มีความกังวลต่อค่าเงินดอลลาร์ในระยะสั้น ถึงแม้อาจมีผลกระทบทั้งทางบวกและลบ"
นายมนูชินยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ต้องการทำสงครามการค้า แต่จะปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ และสหรัฐต้องการให้มีการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 233,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 240,000 ราย
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงมากกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยดิ่งลง 9.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 625,000 ยูนิต ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560