นายโทมัส กลักแมนน์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Gatecoin ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล กล่าวว่า บิตคอยน์มีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 50,000 ดอลลาร์ภายในเดือนธ.ค.ปีนี้
นายกลักแมนน์ระบุว่า ปัจจัยที่จะหนุนค่าเงินบิตคอยน์ ได้แก่ การยอมรับมากขึ้นของเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมกฎระเบียบต่อบิตคอยน์ ดังที่เห็นได้จากการที่คณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐ มีมติอนุมัติให้เปิดการซื้อขายบิตคอยน์ฟิวเจอร์สในตลาด CBOE และ CME ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
นายกลักแมนน์ยังกล่าวว่า ปัจจัยหนุนบิตคอยน์ยังได้แก่ การเข้าสู่ตลาดของนักลงทุนสถาบัน และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมของบิตคอยน์ ซึ่งปัจจุบันการซื้อขายบิตคอยน์ต้องใช้เวลาเฉลี่ยนานถึง 10 ชั่วโมงสำหรับการยืนยันการทำธุรกรรม และหากเป็นในช่วงเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา นักลงทุนจะต้องใช้เวลาเฉลี่ยถึง 2,322 นาที หรือราว 38 ชั่วโมงในการรอการยืนยันการทำธุรกรรม เนื่องจากมีผู้สนใจเข้าซื้อขายบิตคอยน์จำนวนมาก จนทำให้เกิดภาวะคอขวดในระบบเครือข่ายบล็อกเชน
ส่วนนายเจมี เบอร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอาท์ลิเออร์ เวนเจอร์ คาดการณ์ว่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลจะทะยานขึ้นอย่างมากหลังจากเดือนนี้ ส่งผลให้มูลค่าตลาดพุ่งแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้
บิตคอยน์พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐไม่ได้มีการออกมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลวานนี้
นอกจากนี้ ในแง่เทคนิค นักลงทุนมองว่าการทรุดตัวในช่วง 7 วันที่ผ่านมา เป็นการปรับตัวลงแรงเกินไป ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้าตลาดหนุนให้บิตคอยน์ดีดตัวขึ้น 22% แตะ 7,845 ดอลลาร์ในวันนี้
นอกจากบิตคอยน์แล้ว สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดติด 10 อันดับแรกของโลก ต่างก็สามารถปรับตัวขึ้นเป็นเลข 2 หลักในวันนี้
ขณะเดียวกัน มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกเพิ่มขึ้น 25% ในวันนี้ สู่ระดับ 3.52 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากดิ่งลงแตะ 2.76 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลยังคงต่ำกว่าราว 30% เมื่อเทียบกับระดับสูงกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ในวันพุธที่ผ่านมา และต่ำกว่าราว 57% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนม.ค.ที่ระดับ 8.30 แสนล้านดอลลาร์