สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนอย่างหนัก ส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ กระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ ยังคงเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.49 เยน จากระดับ 109.36 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9429 ฟรังก์ จากระดับ 0.9361 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.2276 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2391 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3880 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3958 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7822 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7887 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนอย่างหนัก โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงรุนแรงกว่า 1,100 จุด และล่าสุดเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) ดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบอีกครั้ง อันเนื่องมาจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ประกอบกับข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าแรงเดือนม.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์นั้น ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้
กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวแสดงความเห็นว่า เฟดควรถอนตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เนื่องจากตลาดแรงงานที่ตึงตัวได้เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ
นักลงทุนยังคงจับตาการโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในสภาคองเกรสสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปได้อีก 6 สัปดาห์ หรือจนถึงวันที่ 23 มี.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ โดยขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภาสหรัฐ
ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณภายในเวลาเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลาเที่ยงของวันศุกร์ตามเวลาไทย สหรัฐก็จะเผชิญภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง หลังจากที่เกิดการชัตดาวน์เป็นเวลา 3 วันในเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค.