สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยนที่ระดับ 106.73 เยน จาก 106.67 เยน และแข็งค่าเทียบฟรังก์สวิสแตะ 0.9361 ฟรังก์ จาก 0.9330 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าเทียบดอลลาร์ที่ระดับ 1.2298 ดอลลาร์ จาก 1.2332 ดอลลาร์ ปอนด์แข็งค่าเทียบดอลลาร์แตะ 1.3969 ดอลลาร์ จาก 1.3958 ดอลลาร์ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ 0.7835 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 0.7846 ดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คณะกรรมการเฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของวันที่ 30-31 ม.ค. โดยกรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ความแข็งแกร่งของแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะใกล้นี้ ทำให้เฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปนั้น ถือเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม
จากนั้นในวันศุกร์ เฟดได้เปิดเผยรายงานนโยบายการเงินครึ่งปี ซึ่งบรรดาคณะกรรมการกำหนดนโยบายยังคงสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยรายงานระบุว่า "เฟดคาดการณ์ว่า การเดินหน้าปรับนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวในระดับปานกลาง และสภาพตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง"
ขณะเดียวกัน นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีมุมมองที่เป็นบวก ซึ่งเป็นเหตุผลที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มมากกว่า 95% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในจำนวน 3 ครั้งของปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันที่ 27 ก.พ. โดยจะเป็นการแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินเป็นครั้งแรกของเขาต่อรัฐสภาสหรัฐ