ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) โดยดอลลาร์ปรับตัวลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันนี้ และวันพฤหัสบดีนี้
ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2310 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2298 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3966 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3969 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7850 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7835 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.93 เยน จากระดับ 106.73 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9380 ฟรังก์ จากระดับ 0.9361 ฟรังก์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ต่อเนื่องจากวันศุกร์ โดยเมื่อคืนนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.840% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.129%
นักลงทุนจับตานายพาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ และตอบข้อซักถามจากคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดี โดยการกล่าวแถลงการณ์ของนายพาวเวลทั้งในวันนี้ และวันพฤหัสบดีจะมีขึ้นในเวลา 10.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ทางด้านนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ว่า เฟดควรรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำ ขณะที่ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ และตลาดการเงินทั่วโลกมีอุปสงค์สูงสำหรับสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยว่า ถ้าหากเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ก็จะส่งผลให้มีการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวเกินไปสำหรับเศรษฐกิจในปัจจุบัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ในม.ค. โดยดิ่งลง 7.8% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 593,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว โดยยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลงในเดือนม.ค. ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของยอดขายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ส, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนม.ค.