ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) จากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 105.53 เยน จากระดับ 106.23 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9368 ฟรังก์ จากระดับ 0.9420 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2331 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2254 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3791 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3770 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7754 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7760 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันหลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมป์อาจส่งผลให้เกิดสงครามทางการค้า และจะกลับมาสร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตของสหรัฐเอง เนื่องจากบริษัทสหรัฐจะต้องเผชิญกับการตอบโต้จากบริษัทคู่แข่งต่างชาติ นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวจะผลักดันให้ราคาสินค้าและการบริการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคของสหรัฐ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งสัญญาณถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในปีหน้า
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ว่า BOJ อาจพิจารณาถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในปีงบประมาณ 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ BOJ คาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%