ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.22 เยน จากระดับ 105.53 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9404 ฟรังก์ จากระดับ 0.9368 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.2328 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2331 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3833 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3791 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7762 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7754 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.14% สู่ระดับ 90.060 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 55.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2558 จากระดับ 53.8 ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณผ่านการทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐอาจยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม อย่างน้อยที่สุดสำหรับแคนาดาและเม็กซิโก หากมีการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ที่เป็นธรรม
"สหรัฐจะยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ก็ต่อเมื่อมีการลงนามในข้อตกลง NAFTA ใหม่ที่เป็นธรรม โดยเราขาดดุลการค้าจำนวนมากกับเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งข้อตกลง NAFTA ที่กำลังมีการเจรจากันในขณะนี้ เป็นข้อตกลงที่ไม่ดีสำหรับสหรัฐ ทำให้มีการโยกย้ายการจ้างงานและบริษัทออกจากสหรัฐ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนม.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.