ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐในเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้นมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า การที่นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนั้น อาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าในไม่ช้า
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9436 ฟรังก์ จากระดับ 0.9406 ฟรังก์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.08 เยน จากระดับ 106.22 เยน
ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7817 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7819 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3894 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3889 ดอลลาร์ ส่วนสกุลเงินยูโรทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.2405 ดอลลาร์
ดอลลาร์ได้ปัจจัยบวกจากรายงานของ ADP และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ซึ่งระบุว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง โดยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่งเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่นายแกรี่ โคห์น ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10%
นักลงทุนมองว่า การลาออกของนายโคห์นจะยิ่งทำให้ปธน.ทรัมป์เดินหน้าการใช้นโยบายกีดกันทางการค้า ซึ่งจะจุดปะทุให้เกิดสงครามการค้าทั่วโลก โดยล่าสุดทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์เมื่อคืนนี้ว่า ปธน.ทรัมป์จะเดินหน้าประกาศแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่ข่าวบางกระแสระบุว่า ปธน.ทรัมป์อาจลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีอย่างเร็วที่สุดในวันนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่นักลงทุนให้ความสนใจนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวขึ้นในระดับปานกลาง ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ส่วนภาวะเศรษฐกิจทั่วทั้ง 12 เขตของสหรัฐนั้น มีการขยายตัวเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปีในเดือนม.ค. โดยเพิ่มขึ้น 5.0% สู่ระดับ 5.66 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 จากระดับ 5.39 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง