ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากทำเนียบขาวเปิดเผยว่า สหรัฐจะยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดาและเม็กซิโก และอาจจะพิจารณายกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากประเทศอื่นๆบางประเทศ
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.23 เยน จากระดับ 106.08 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9514 ฟรังก์ จากระดับ 0.9436 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2307 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2405 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3803 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3894 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7792 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7817 ดอลลาร์สหรัฐ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% จากประเทศต่างๆ ยกเว้นแคนาดาและเม็กซิโก โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ใน 15 วัน
การลงนามมีขึ้นที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาไทย โดยนอกเหนือจากการยกเว้นภาษีให้กับเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้าในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) แล้ว ปธน.ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจจะยกเว้นภาษีให้กับประเทศอื่นๆ หากประเทศเหล่านี้เจรจาและสามารถตกลงกับสหรัฐได้ว่าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมของพวกเขาจะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐ
ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากเมื่อวานนี้ที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากดิ่งลงแตะระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง