ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อนหลัง CPI สหรัฐชะลอตัว,วิตกข่าวทรัมป์ปลดรมว.ต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 14, 2018 07:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งได้ลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2397 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2336 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3977 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3906 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7867 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7877 ดอลลาร์

หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 106.64 เยน จากระดับ 106.37 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9439 ฟรังก์ จากระดับ 0.9466 ฟรังก์

ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค. โดยข้อมูล CPI เดือนก.พ.บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อสหรัฐ และลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของเฟดในปีนี้

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานข่าวว่า ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้โยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปลดนายทิลเลอร์สันออกจากตำแหน่งทำให้ตลาดวิตกกังวลว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์อาจเดินหน้าใช้นโยบายกีดกันการค้าต่อไป และจะทำให้สหรัฐมีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นในการเจรจาประเด็นภาษีนำเข้ากับบรรดาประเทศคู่ค้า

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.พ., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ