ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนทางการเมืองในสหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากมีรายงานข่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร สามารถบรรลุข้อตกลงในการอนุญาตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ใน EU ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2563
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2353 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2284 ดอลลาร์ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4043 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3939 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7719 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7712 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 105.94 เยน จากระดับ 106.09 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9496 ฟรังก์ จากระดับ 0.9528 ฟรังก์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ หลังจากสื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมพิจารณาปลดนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ แม้ว่าทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวก็ตาม
ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ตัดสินใจปลดพลโท เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ และปลดนายแอนดรูว์ แมคคาบี รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ออกจากตำแหน่ง ขณะที่มีแนวโน้มปลดพล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ออกจากตำแหน่งเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้แต่งตั้งนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ให้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่
ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากมีรายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร สามารถบรรลุข้อตกลงเมื่อวานนี้ ในการอนุญาตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ใน EU ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2563 แต่จะมีบทบาทและอำนาจที่ลดน้อยลง
ทั้งนี้ EU และสหราชอาณาจักรกำหนดช่วงเวลาดำเนินกระบวนการเปลี่ยนผ่านเป็นเวลา 21 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.2562 จนถึงสิ้นปี 2563 ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit) อย่างสมบูรณ์
การกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อให้ภาคธุรกิจและพลเมืองทั้งในสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลามากขึ้นในการเตรียมพร้อมสำหรับการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจาก EU และจะช่วยให้คณะเจรจาของสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลาในการสรุปการเจรจาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายขณะเริ่มปี 2564
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.