ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวอยร์กเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ขณะที่จีนก็ประกาศมาตรการตอบโต้เช่นกัน
ยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.2367ดอลลาร์ จากระดับ 1.2306 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าสู่ระดับ 1.4145 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4109 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7713 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7711 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 104.84 เยน จากระดับ 105.63 เยน อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9467 ฟรังก์ จากระดับ 0.9506 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงแตะ 1.2863 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2915 ดอลลาร์แคนาดา
นักลงทุนจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจของโลก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าเป็นการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ ด้านรัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ โดยพุ่งเป้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 128 รายการ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 3.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว หลังจากร่วงลง 3.5% ในเดือนม.ค.
การพุ่งขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากร่วงลง 0.4% ในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 7.4% ในเดือนก.พ.
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ในก.พ. โดยร่วงลง 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 618,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 622,000 ยูนิตในเดือนม.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้น 4.4% สู่ระดับ 623,000 ยูนิตในเดือนก.พ.
เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.พ.