ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มคลี่คลายลง ภายหลังจากทางการจีนได้ประกาศความพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9448 ฟรังก์ จากระดับ 0.9467 ฟรังก์ แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 105.25 เยน กระดับ 104.84 เยน
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2456 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2367 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4228 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4145 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7734 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7713 ดอลลาร์
นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งสัญญาณคลี่คลายลง หลังจากนางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า
ทางด้านนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐควรจัดการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามทางการค้า พร้อมกับย้ำว่า จีนพร้อมที่จะเปิดตลาดสำหรับภาคธุรกิจของสหรัฐ โดยจีนจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันต่อบริษัทในประเทศและบริษัทต่างชาติ และจีนจะไม่บังคับให้บริษัทต่างชาติทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่บริษัทท้องถิ่น รวมทั้งจีนจะคุมเข้มการปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา
ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากนายเจนส์ เวดมานน์ ประธานธนาคารกลางเยอรมนี และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า ECB ควรยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยความเคลื่อนไหวของนายเวดมานน์ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่า ECB อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2562
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ส, ดัชนีการผลิตเดือนมี.ค. โดยเฟดสาขาริชมอนด์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน