ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 107 เยน โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอการเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
ณ เวลา 18.50 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.15% สู่ระดับ 107.07 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.15% สู่ระดับ 131.45 เยน และอ่อนค่าลง 0.03% สู่ระดับ 1.2277 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.06% สู่ระดับ 90.16
ดัชนีนิกเกอิปรับตัวขึ้น 110.74 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 21,678.26 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ส่งผลให้นักลงทุนเทขายเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และหันเข้าซื้อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่ได้ทำการซื้อขายล็อตใหญ่ในตลาด ขณะที่จับตาการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ทางการจีนสวนกลับสหรัฐในวันนี้ โดยยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเจรจาแก้ไขข้อพิพาททางการค้า ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ในวันนี้ ระบุว่า สหรัฐเป็นฝ่ายต้องถูกตำหนิจากความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้น และเป็นไปไม่ได้ที่การเจรจาแก้ไขข้อพิพาททางการค้าจะเกิดขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้
นายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวว่า "ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายยิ่งไม่สามารถเจรจากันเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ ขณะที่มาตรการของสหรัฐได้สร้างความกังวลต่อประชาคมโลก"
"ด้านหนึ่งนั้น สหรัฐขู่ที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตร ขณะที่ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็บอกว่าพร้อมที่จะเจรจา ผมไม่แน่ใจว่าสหรัฐกำลังแสดงละครฉากนี้ให้ใครดู" นายเกิงกล่าว
คำกล่าวของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนมีขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า จีนจะเป็นฝ่ายที่ยอมอ่อนข้อต่อสหรัฐ โดยจะยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้า และทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงในด้านภาษีที่จะเป็นไปในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังแสดงความเชื่อมั่นด้วยว่า ตนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนได้กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณารายการสินค้านำเข้าจากจีนที่สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเขาเป็นเพราะการตอบโต้อย่างไม่เป็นธรรมของจีนต่อการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์