ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นสกุลเงินยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มคลี่คลายลง
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2358 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2322 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4181 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4132 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7766 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7703 ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.19 เยน จากระดับ 106.77 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9567 ฟรังก์ จากระดับ 0.9563 ฟรังก์
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นสกุลเงินยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากปธน.สี จิ้นผิง ได้ให้คำมั่นในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมโป๋อ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย (BFA) เมื่อวานนี้ว่า จีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และภาษีนำเข้าสินค้าอื่นๆบางประเภท รวมทั้งเปิดกว้างการเข้าถึงตลาดจีน นอกจากนี้ จีนจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งจะเพิ่มการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทต่างชาติ
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มคลี่คลายลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความโจมตีจีนซึ่งเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ สูงกว่าที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากจีน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวขึ้น 1.0% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2556 นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 20-21 มี.ค.ของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้เช่นกัน โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของเฟด หลังจากที่ประชุมเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน