ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งทะลุระดับ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2557 ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค.
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.69 เยน จากระดับ 108.64 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9787 ฟรังก์ จากระดับ 0.9785 ฟรังก์
ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.7598 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7603 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2237 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2206 ดอลลาร์ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3972 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3936 ดอลลาร์
ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งทะลุระดับ 3% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2557 โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.001% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.171%
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินพุ่งขึ้นตามไปด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับอัตราเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ และเครื่องมือทางการเงินในระบบ
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ได้ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 694,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 667,000 ยูนิตในเดือนก.พ.
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 128.70 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 127 ในเดือนมี.ค. และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีจะร่วงลงสู่ระดับ 126