ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค. ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงิน QE ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2107 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2178 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3923 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3936 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7552 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7564 ดอลลาร์
ดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.37 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9893 ฟรังก์ จากระดับ 0.9829 ฟรังก์
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.6% โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 24,000 ราย สู่ระดับ 209,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 230,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 2,250 ราย สู่ระดับ 229,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
ทางด้านนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้แถลงภายหลังการประชุมว่า ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นของ ECB แม้มีสัญญาณการชะลอตัวในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นายดรากีกล่าวเสริมว่า การใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินยังคงมีความจำเป็นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า