ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนเม.ย. อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนในระดับหนึ่ง จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3%
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1861 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1860 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3556 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3538 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7464 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7449 ดอลลาร์สหรัฐ
หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 109.71 เยน จากระดับ 108.98 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0048 ฟรังก์ จากระดับ 1.0018 ฟรังก์
ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 4 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. โดย การชะลอตัวของดัชนี PPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาอาหาร
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% ขณะเดียวกัน ยอดขายในภาคค้าส่งบ่งชี้ว่า ผู้ค้าส่งจะใช้เวลา 1.26 เดือนในการจำหน่ายสินค้าทั้งหมดในสต็อก โดยลดลงจากระดับ 1.28 เดือนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนและฟรังก์สวิส โดยได้ปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุ 3% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.009% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.161%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน