ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1802 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1850 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3482 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3510 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7515 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7473 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.26 เยน จากระดับ 110.33 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0013 ฟรังก์ จากระดับ 1.0019 ฟรังก์
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของการผลิตเครื่องจักร
นอกจากนี้ กระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ยังคงเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์ด้วยเช่นกัน โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาส 95% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย., มีโอกาส 81.4% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาส 51% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเดือมี.ค.ปีนี้
ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากพรรค Five Star Movement และพรรค League ซึ่งเป็นพรรคการเมือง 2 พรรคที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ได้แสดงความการที่จะนำอิตาลีออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) พร้อมกับเรียกร้องให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยกเลิกหนี้สาธารณะของอิตาลี
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย