ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) หลังจากไอเอชเอส มาร์กิตรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ ต่างก็ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ค. ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังจากดัชนี PMI ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน ชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1700 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1778 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3351 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3429 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7563 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7577 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9962 ฟรังก์ จากระดับ 0.9929 ฟรังก์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.08 เยน จากระดับ 111.00 เยน
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 55.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากแตะ 54.9 ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน
สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 56.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 44 เดือน จากระดับ 56.5 ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 55.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 54.6 ในเดือนเม.ย.
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากรายงานของไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 55.1 ในเดือนเม.ย. โดยการร่วงลงของดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน
สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 54.5 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 56.2 ในเดือนเม.ย. ส่วนส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 53.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน จากระดับ 54.7 ในเดือนเม.ย.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเร็วๆนี้ หากแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐมีความสอดคล้องกับการคาดการณ์ของเฟด
"กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า หากข้อมูลที่เฟดจะได้รับในเร็วๆนี้มีความสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่เฟดคาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) จะก้าวเข้าสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน" รายงานการประชุมระบุ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน