ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อนหลังข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา ขณะยูโรฟื้นตัวรับการเมืองอิตาลีส่งสัญญาณบวก

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 ขณะที่สกุลเงินยูโรได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การเมืองในอิตาลีที่เริ่มส่งสัญญาณในด้านบวก

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1655 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1533 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3282 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3247 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7575 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7502 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.90 เยน จากระดับ 108.22 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9894 ฟรังก์ จากระดับ 0.9883 ฟรังก์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของ GDP ประจำไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3% และยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.3%

ขณะที่ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ADP ได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 163,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานที่ระดับ 204,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังได้เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวปานกลางในช่วงปลายเดือนเม.ย.จนถึงต้นเดือนพ.ค. โดยภาคการผลิตมีการขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในหลายเขต

ส่วนสกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้น หลังจากสองพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีอย่างพรรค 5-Star Movement (M5S) และพรรค League ได้แสดงความตั้งใจที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม รวมทั้งรายงานที่ว่า รัฐบาลอิตาลีประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตรระยะยาว วงเงิน5.57 พันล้านยูโร หรือประมาณ 6.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวานนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของรัฐบาล

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดขายรถยนต์เดือนพ.ค.