สกุลเงินยูโรแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ขานรับข้อมูลภาคบริการที่สดใสของสหรัฐ
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1714 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1697 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3393 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3315 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7615 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7653 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.74 เยน จากระดับ 109.72 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9846 ฟรังก์ จากระดับ 0.9881 ฟรังก์
สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ECB คาดการณ์ว่าในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ที่ประชุม ECB อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลียืนยันว่า รัฐบาลอิตาลีไม่มีแผนที่จะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (ECB)
ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ขานรับข้อมูลภาคบริการที่สดใสของสหรัฐ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 58.6 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 56.8 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 57.6
ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 56.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2558 จากระดับ 54.6 ในเดือนเม.ย.
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 12-13 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ในการประชุมดังกล่าว หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง และการพุ่งขึ้นของค่าจ้างแรงงาน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย., ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 1/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย.