สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) หลังจากสมาชิกคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB จะพิจารณาลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์หน้า
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1769 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1714 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3410 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3393 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7663 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7615 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.19 เยน จากระดับ 109.74 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9859 ฟรังก์ จากระดับ 0.9846 ฟรังก์
สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากนายปีเตอร์ แพรท สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ ECB กล่าวว่าคณะกรรมการ ECB จะหารือกันเกี่ยวกับการถอนตัวจากการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14 มิ.ย.ที่เมืองริกา ประเทศลัตเวีย
"ในสัปดาห์หน้า กรรมการ ECB จะประเมินว่าความคืบหน้าของการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้เราลดการซื้อพันธบัตร" นายแพรทกล่าว
ก่อนหน้านี้ ECB มีมติซื้อพันธบัตรเดือนละ 3 หมื่นล้านยูโรจนถึงเดือนก.ย.เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่า ECB จะยุติมาตรการซื้อพันธบัตรในช่วงสิ้นปีนี้
ส่วนดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.ของสหรัฐลดลง 2.1% สู่ระดับ 4.62 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 2.112 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การนำเข้าสินค้าและบริการลดลง 0.2% สู่ระดับ 2.574 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในไตรมาส 1 เมื่อเทียบรายไตรมาส และเมื่อเทียบเป็นรายปี ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานเพิ่มขึ้น 1.3% ในไตรมาส 1
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะช่วยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้และวันพรุ่งนี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย.