ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) หลังจากที่ปรับตัวลดลงมาสี่วันติดต่อกัน เช่นเดียวกับเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งด้านนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐกับชาติพันธมิตรในการประชุมผู้นำกลุ่ม G7 ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างเช่นสกุลเงินดอลลาร์ และเยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1768 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1808 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3416 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3426 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7600 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7620 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.47 เยน จากระดับ 109.73 เยน และลดลงแตะ 1.2937 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2979 ดอลลาร์แคนาดา แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9852 ฟรังก์ จากระดับ 0.9803 ฟรังก์
นักลงทุนจับตาการประชุม G7 ซึ่งจัดขึ้นที่ควิเบก ประเทศแคนาดา ในวันศุกร์และเสาร์นี้ โดยคาดว่าสหรัฐจะถูกสมาชิกรายอื่นโจมตีเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์ที่แล้ว
ความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้ารายสำคัญส่งผลให้นักลงทุนหันซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ดอลลาร์กลับมาดีดตัวขึ้น หลังจากที่ถูกแรงขายกดดันมาสี่วัน โดยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ยูโรแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้ามีเหตุการณ์สำคัญที่นักลงทุนจับตาหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์, การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 12-13 มิ.ย., การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 14 มิ.ย. และการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 14-15 มิ.ย.