ยูโรยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 1% หลุดระดับ 1.1700 ดอลลาร์ หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศแผนยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในสิ้นปีนี้ ขณะที่ ECB จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป จนถึงช่วงฤดูร้อนของปีหน้า
ณ เวลา 22.09 น.ตามเวลาไทย ยูโรร่วงลง 1.2% สู่ระดับ 1.1648 ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.89% สู่ระดับ 0.8734 ปอนด์
ทั้งนี้ ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ECB ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูร้อนของปีหน้า
ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี ECB จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE สู่ระดับ 1.5 หมื่นล้านยูโรในเดือนต.ค.-ธ.ค. และจะยุติมาตรการ QE ภายในสิ้นเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ การที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในวันนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันยูโร โดยส่งผลให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ ขณะเทขายยูโร
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย.
ยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นในเดือนพ.ค. ได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของยอดขายรถยนต์ และสินค้าอื่นๆ รวมทั้งยอดขายน้ำมันเบนซินตามการดีดตัวของราคาน้ำมัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 224,000 ราย
ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 171 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2512