ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านในสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มบานปลายในขณะนี้
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1575 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1615 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3169 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3240 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7377 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7416 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.08 เยน จากระดับ 110.51 เยน แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9950 ฟรังก์ จากระดับ 0.9949 ฟรังก์
สกุลเงินดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ค. โดยพุ่งขึ้น 5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.350 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.310 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังรายงานว่า การอนุญาตก่อสร้างบ้านในสหรัฐลดลง 4.6% สู่ระดับ 1.301 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 แต่ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะลดลงสู่ระดับ 1.350 ล้านยูนิต
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีนนั้น อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า รัฐบาลจีนพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทั้งสหรัฐและจีนมีขึ้นสืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 1,100 รายการที่จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากนั้นไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต