ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้น ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูล PMI ที่แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนนั้นเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นจากที่ชะลอตัวมาหลายเดือน สวนทางกับข้อมูลดังกล่าวของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1662 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1622 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3261ดอลลาร์ จากระดับ 1.3253 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7440 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7389 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแตะที่ระดับ 109.98 เยน จากระดับ 109.86 เยน ขณะที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9879 ฟรังก์ จากระดับ 0.9908 ฟรังก์ และร่วงลงแตะ 1.3268 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3305 ดอลลาร์แคนาดา
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 54.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนขยายตัวในอัตราที่เร็วขึ้น และเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนที่ดัชนี PMI รวมปรับตัวขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากภาคบริการ โดยดัชนี PMI ภาคบริการยูโรโซน อยู่ที่ 55.0 ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 53.8 ในเดือนพ.ค. แม้ว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตลดลงมาอยู่ที่ 55.0 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 55.5 ในเดือนพ.ค.ก็ตาม
นอกจากนี้ กิจกรรมในภาคบริการของเยอรมนีและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสองประเทศใหญ่สุดในยูโรโซน ก็ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ด้วย แม้กิจกรรมในภาคการผลิตจะชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน
ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของเยอรมนี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 54.2 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 53.4 ในเดือนพ.ค. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการ อยู่ที่ 53.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 52.1 ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิต อยู่ที่ 55.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 56.9 ในเดือนพ.ค.
ด้านดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของฝรั่งเศส อยู่ที่ 55.6 ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 54.2 เมื่อเดือนพ.ค. และทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.4 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 54.3 ในเดือนพ.ค. ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตปรับตัวลดลงแตะ 53.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 54.4 ในเดือนพ.ค. โดยทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 เดือน
นอกจากนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ยังได้เปิดเผยในวันเดียวกันว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อ่อนตัวลงสู่ระดับ 56.0 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากแตะ 56.6 ในเดือนพ.ค.
การปรับตัวลงของดัชนี PMI ในเดือนมิ.ย. ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของธุรกิจใหม่ และการจ้างงาน
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 54.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 56.4 ในเดือนพ.ค.
สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 56.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 56.8 ในเดือนพ.ค.
ขณะเดียวกัน สกุลเงินดอลลาร์ยังถูกกดดัน เนื่องจากสกุลเงินต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับสินค้าโภคภัณฑ์ต่างแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งทะยานขึ้นกว่า 4% หลังรับทราบผลการประชุมโอเปก
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับอีก 6 สกุลเงินหลัก ลดลง 0.37% แตะ 94.508 เมื่อคืนนี้
ด้านเงินปอนด์ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี แต่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ลงมติไม่เป็นเอกฉันท์ในการประชุมครั้งนี้ด้วยคะแนนเสียง 6-3 ซึ่ง 3 เสียงดังกล่าวมีความเห็นให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75%