ดอลลาร์อ่อนค่า ขณะตัวเลขศก.ซบกดดันตลาด นักลงทุนจับตาสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 28, 2018 21:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบเยนในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า

นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ จากการที่สหรัฐปรับลดตัวเลขประมาณการสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 และการที่สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระทบดอลลาร์

ณ เวลา 21.36 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.05% สู่ระดับ 110.19 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.30% สู่ระดับ 127.74 เยน และดีดตัวขึ้น 0.34% สู่ระดับ 1.1591 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.15% สู่ระดับ 95.13

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาจะมอบหมายให้คณะกรรมการการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐ (CFIUS) เป็นผู้ดูแลในกรณีที่บริษัทต่างชาติซึ่งรวมถึงจีน ต้องการจะซื้อกิจการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐที่มีความอ่อนไหว โดยการตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ถูกมองว่าไม่เข้มงวดเหมือนกับที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะใช้มาตรการสกัดกั้นบริษัทที่มีชาวจีนถือหุ้นมากกว่า 25% เข้าซื้อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ

แต่ในเวลาต่อมา นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า แผนการที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศไปนั้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าสหรัฐจะอ่อนข้อให้กับจีน พร้อมกับชี้แจงว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการให้คณะกรรมการ CFIUS เป็นผู้ตัดสินใจว่าเมื่อใดที่บริษัทจีนควรจะถูกระงับการเข้าถือครองบริษัทในสหรัฐ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ

นอกจากนี้ นายคุดโลว์ย้ำว่า สหรัฐคาดหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับจีน แต่ในขณะเดียวกัน สหรัฐก็ยังคงต้องเฝ้าระวัง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ

ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนายคุดโลว์เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า คำกล่าวของนายคุดโลว์ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า สหรัฐจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการทางการค้าเพื่อกดดันจีนต่อไป

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.0% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.2%

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 จะอยู่ที่ระดับ 2.2%

เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในอัตราที่ต่ำลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งมีการเติบโต 2.9%

ทั้งนี้ ในปี 2560 เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาสแรก, 3.1% ในไตรมาส 2, 3.2% ในไตรมาส 3 และ 2.9% ในไตรมาส 4

การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2,3 และ 4 ของปีที่แล้ว ถือเป็นการปรับตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วง 9 เดือนในรอบ 1 ทศวรรษ

การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ในปีนี้ มีสาเหตุจากการดิ่งลงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี และการชะลอตัวของสินค้าคงคลัง

ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นเพียง 0.9% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2556 โดยมีการปรับลดลงจากเดิมที่รายงานที่ระดับ 1.0% หลังจากพุ่งขึ้น 4.0% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 3% ในไตรมาส 2 ขณะที่การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนฟื้นตัว โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ขณะเดียวกัน ปอนด์ร่วงลงในวันนี้เทียบดอลลาร์และยูโร ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการไร้ความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษจาก EU (Brexit)

ณ เวลา 18.01 น.ตามเวลาไทย ปอนด์อ่อนค่า 0.12% สู่ระดับ 1.3094 ดอลลาร์ และร่วงลง 0.47% สู่ระดับ 0.8849 เทียบยูโร

ทั้งนี้ EU จะจัดการประชุมสุดยอดในวันนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า บรรดาผู้นำของ EU จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์อังกฤษต่อความล่าช้าของการเจรจา Brexit

ปอนด์ถูกกดดันในช่วงที่ผ่านมา จากการขาดความคืบหน้าในการเจรจา Brexit ขณะที่บริษัทหลายแห่งออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะถูกกระทบ หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงในเร็วๆนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ