ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.51 เยน จากระดับ 112.03 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0027 ฟรังก์ จากระดับ 0.9962 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1667 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1672 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3208 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3205 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7403 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7370 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากเงินเฟ้อของสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และพุ่งขึ้น 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2555
ส่วนเมื่อวานนี้ทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อด้วยนั้น ดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 3.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2554
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ราย สู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ขณะที่ตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 1,750 ราย สู่ระดับ 223,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน